วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิธีการทำแกงสะตอหมู

วิธีการทำแกงสะตอหมู


เครื่องปรุง◊ หมูเนื้อแดง ๓ ขีด (หรือหากชอบหมูส่วนอื่น ก็เอาตามชอบค่ะ)
◊ น้ำพริกแกงกะทิ (ใต้) ๑ ๑ ๑/๒ ขีด
◊ มะพร้าวขูด ๓-๔ ขีด (คั้นให้ได้กะทิสัก ๔ ถ้วย)
◊ สะตอใต้ ๒๐-๒๕ เม็ด
◊ น้ำปลาดี
◊ เกลือป่น
◊ น้ำตาลนิดๆ
◊ พริกขี้หนูหั่นเฉียง หรือพริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ

วิธีทำ

เริ่มแรกก็นี่เลยค่ะ เราคั้นกะทิไว้ก่อนเลย ไม่ต้องแยกหัวแยกหางนะคะ คั้นรวมไปเลยค่ะ จากนั้นก็ตั้งกระทะค่ะ ใส่กะทิลงไปสัก ๒ ทัพพีนะ  พอน้ำกะทิเริ่มร้อน ใส่พริกแกงลงไป  วิธีการผัดพริกแกงก็เหมือนกับการผัดพริกแกงอย่างอื่นน่ะค่ะ พอใส่พริกแกงลงไปแล้วก็ใชก้นตะหลิวยีพริกแกงให้กระจายเข้ากับน้ำกะทิค่ะ แล้วก็ผัดไปเรื่อยๆจนพริกแกงหอมน่ะค่ะ ระหว่างนี้ถ้าส่วนผสมในกระทะแห้งไป เติมน้ำกะทิได้เป็นระยะๆ พอเครื่องแกงหอมได้ที่ ก็เอาหมูที่เราหั่นชิ้นเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปได้เลยค่ะ หมูนี่หั่นชิ้นบางๆหน่อยนะคะ ไม่ต้องใหญ่ เพราะพอหมูโดนน้ำกะทิแล้วมักจะพองใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทุกทีเลยค่ะ เนื้อไก่ก็ด้วย ผัดหมูให้เข้ากับพริกแกงนะคะ ตอนนี้ใช้ไฟกลางๆหน่อย
พอหมูสุก เทน้ำกะทิที่เหลือลงไปเลยค่ะ ปรุงรสด้วยน้ำปลา หรือเกลือ หรือจะใช้ทั้งสองอย่างรวมกันก็ได้ค่ะ และก็ตัดรสด้วยน้ำตาลทรายนิดๆ แต่ไม่ต้องใส่เยอะนะคะ สัก ๑/๒ หรือ ๑ ช้อนชา ก็พอ เพราะว่าเราได้ความหวานจากกะทิอยู่แล้วน่ะค่ะ แล้วพอชิมรสได้ที่ก็ใส่สะตอที่เราผ่าซีกแล้วลงไปเลยค่ะ ทิ้งระยะเวลาไว้สักแป๊บ พอสะตอสุกก็ปิดไฟเลยค่ะ แล้วก็เอาพริกชี้ฟ้าพริกขี้หนูที่เราหั่นไว้ใส่ลงไปเลย คนก็ให้เข้ากันค่ะ  จากนั้นก็ตักใส่ชาม เตรียมยกขึ้นโต๊ะอาหารได้เลยเจ้าค่ะ แกงเผ็ดเมนูนี้เหมาะทานกับพวกปลาเค็มอย่างมากเลยค่ะ เรียกว่าเข้ากันได้ดีทีเดียว หรือไม่งั้นก็เป็นพวกที่ตัดรสไปเลย อย่างกุนเชียง ไข่เค็ม ก็เข้ากันได้ดีในระดับหนึ่งเลยนะคะ
ที่มาhttps://www.blogger.com/blogger.g?blogID

วิธีการทำข้าวผัดพริกแกงใต้


 
 
 
 
 
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
1. ข้าวหอมมะลิหุงสวย ๆ 1 ถ้วย
2. เนื้อหมู 50 กรัม
3. ตะไคร้ 2 ต้น
4. ฟักทอง ขนาดนิ้วหัวแม่มือ 1 ชิ้น
5. แครอทขนาดนิ้วหัวแม่มือ 1 ชิ้น
6. ถั่วฝักยาว 1 ฝัก
7. พริกแกงเผ็ดใต้ 1 ชต. พูน
8. น้ำปลาดี  1 - 1.5 ชต.
9. น้ำตาลทราย 1/2 - 1 ชช.
10. ใบกะเพรา 2-3 กิ่ง
11. หัวกทิ 3 ชต.
11. น้ำมันสำหรับผัด 1 ชต.
:: ขั้นตอนการเตรียม ::
มาดูที่ข้าวกันก่อนนะคะ .. "ข้าว" ... พิมใช้ข้าวหอมมะลิที่หุง แล้วแบ่งใส่ถุง แช่ตู้เย็น เอาไว้น่ะค่ะ  .. พิมใช้ 1 ถุง ก็ราว ๆ  1 ถ้วย
"เนื้อหมู" .. ใช้หมูสันนอกที่สไดล์เป็นแผ่นบาง ๆ น้ำหนักประมาณ 50 กรัม มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ค่ะ  หรือใครจะใช้เนื้อไก่/เนื้อปู แทนก็ได้นะคะ      แต่พวกอาหารทะเล อย่าง หมึก กุ้ง ปู.. ไม่ค่อยเข้ากันค่ะ
"พริกแกงเผ็ดใต้" ..   ก็แบ่งบางส่วนในกระปุกแบบนี้ แช่ตู้เย็นช่องธรรมดาเอาไว้ค่ะ ... ก็ใช้ประมาณ 1 ชต. พูน ๆ ขึ้นกับว่าชอบเผ็ดมากน้อยแค่ไหน
"ตะไคร้" ... ล้างให้คราบขาว ๆ ออกไปให้หมด  แล้วก็ซอยบาง ๆ เอาเฉพาะตรงส่วนโคนที่ขาว ๆ และเขียวนิดนึงอย่างในภาพอ่ะค่ะ
"ฟักทอง" ... ล้าง แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ ค่ะ
"แครอท" ... ปอกเปลือก ล้าง แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ เหมือนกันค่ะ
"ถั่วฝักยาว" ... ล้าง แล้วหั่นเป็นท่อนสั้น ๆ ค่ะ  (ใครไม่ชอบกลิ่นถั่วฝักยาว จะใช้ถั่วแขกแทนก็ได้นะคะ)
"ใบกะเพรา" ... ล้าง รอสะเด็ดน้ำ แล้วก็เด็ดเป็นช่อ ๆ ค่ะ  (ใครจะใช้ใบมะกรูด ซอยฝอย ๆ แทนก็ได้เช่นกันค่ะ)
:: วิธีทำ ::
เมื่อส่วนผสมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็มาลงมือทำกัน
อันดับแรก .. ตั้งกระทะบนเตาไฟ (ใช้ไฟกลางๆ)  ใส่น้ำมันลงไปในกระทะหน่อย ไม่ต้องเยอะนะคะ ประมาณสัก 1 ชต.
พอน้ำมันร้อน ใส่พริกแกงตามลงไปค่ะ ประมาณ 1 ชต. พูน ๆ
ผัดให้เนื้อหมูเข้ากับพริกแกง .. สักแป๊บ ก็เติมหัวกะทิ  ตะไคร้-ฟักทอง-แครอท ที่เราหั่นเรียบร้อยแล้วลงไปค่ะ ... แล้วก็ผัดให้เข้ากันอีกรอบ
ใส่ข้าวสวยลงไป ... ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี ๆ หรือเกลือ  และก็น้ำตาลทรายนิดหน่อย เพื่อให้รสชาติกลมกล่อม  (ภาพข้างบนที่ถ่ายรูปเป็นน้ำตาลทรายขาว แต่ตอนใช้เป็นน้ำตาลทรายไม่ขัดสีค่ะ)  .. แล้วก็ผัดให้เข้ากันดี  ไม่เหลือข้าวที่ยังเป็นเม็ดสีขาวๆ ....   ชิมรสตามชอบ
พอได้รสชาติที่ต้องการแล้ว  ก็ใส่ใบกะเพรากับถั่วฝักยาวที่หั่นแล้วลงไปค่ะ .. เร่งไฟแรงขึ้นนิด ... ผัด 2-3 ทีให้เข้ากัน ... ก็ปิดไฟ  แล้วตักใส่จาน .. ทานได้เลยค่ะ
ป.ล. ตอนใส่น้ำปลาหรือเกลือ .. ให้ใส่แต่น้อยก่อนนะคะ เพราะว่าพริกแกงที่เค้าขายกัน  มักจะใส่เกลือมาบ้างแล้ว  ... ถ้าตอนผัด เราใส่เกลือหรือน้ำปลามากไป โดยไม่ทันระวัง อาจจะทำให้ข้าวผัดพริกแกงของเรา เค็มจนแก้ไม่ได้นะคะ
"ข้าวผัดพริกแกงใต้" จานนี้  หอมเครื่องแกง สมุนไพรมากเลยค่ะ แถมยังได้ความมัน หอม หวานจากหัวกะทิด้วย   ... ถ้าทานคู่กับกุนเชียงทอด หรือ ปลาสลิดทอด จะเข้ากันมากมาย  ยิ่งถ้าได้ซุปร้อน ๆ สักถ้วย ..... อื้อหื้อออออ ... สวรรค์มารำไรเลย ^^"
................... สักจานไหมค่ะ ?  ที่มาhttps://www.blogger.com/blogger.g?blogID

วิธีการทำคั่วกลิ้ง

วิธีการทำคั่วกลิ้ง

 
 
 
 
เครื่องปรุง

◊ พริกแกง
◊ หอมแดง ๒ หัว
◊ กระเทียม ๓ กลีบใหญ่
◊ พริกไทย ๑๐ เม็ด
◊ ขมิ้น แง่งเล็กๆเท่าปลายนิ้วก้อย
◊ ตะไคร้ ๒ ต้น
◊ พริกแห้ง ๑ ช้อนโต๊ะ (ก้อยใช้แบบบด)
◊ เกลือ นิดหน่อย
◊ โขลกทุกอย่างให้ละเอียดจะได้พริกแกงประมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ
◊ หมูสับ หรือ เนื้อสับ ๓๐๐ กรัม
◊ ใบมะกรูดหั่นฝอย พอประมาณ
◊ ตะไคร้ซอย ๒ ต้น
◊ น้ำมันพืช นิดหน่อย
วิธีทำ

◊ ใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย ใส่พริกแกงลงผัดจนหอม ระวังอย่าใส่น้ำมันเยอะเพราะเดี๋ยวคั่วจะไม่กลิ้ง จะกลายเป็นผัดพริกแกงไป
◊ พริแกงหอมดีแล้ว ใส่เนื้อหรือหมูลงไป ผัดจนเข้ากันดี ปรุงรสตามชอบแล้วคั่วไปเรื่อยๆ จนเนื้อกลิ้งได้
◊ ใส่ตะไค
ร้ซอยกับใบมะกรูดหั่นฝอย คั่วต่ออีกสักพัก ยกลงเสริฟได้เลยค่ะ คั่วกลิ้งยิ่งอุ่นหลายครั้งยิ่งอร่อย

ที่มา
https://www.blogger.com/blogger.g?blogID=3407084970766559994#editor/target=post;postID=8779584002825120399

วิธีการทำแกงไตปลา

วิธีการทำแกงไตปลา

อาหารภาคใต้...แกงไตปลาแสนอร่อย

เครื่องปรุง
  • ไตปลา                             1/2     ถ้วย
  • น้ำเปล่าประมาณ                  2-3     ถ้วย
  • ส้มแขก                               3     ชิ้น
  • หรือมะขามเปียกคั้นน้ำ           1/4    ถ้วย
  • กุ้งสด                               300   กรัม
  • ปลาย่างหรือปลากรอบ           100   กรัม
  • น้ำตาลปึก                            1    ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูด                             4    ใบ
  • ข่า 10 แว่นบางๆ หรือหั่น           1    ช้อนโต๊ะ
  • ตะไคร้หั่นละเอียด                   6    ช้อนโต๊ะ
  • ผิวมะกรูด                             1    ช้อนโต๊ะ
  • ขมิ้นสดยาวประมาณ 2 นิ้วหั่น     1    ช้อนโต๊ะ
  • กะปิ                                   2    ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงน้ำพริก
  • พริกขี้หนูแห้ง 40 เม็ด
  • พริกขี้หนูสด 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย 10 เม็ด
  • กระเทียม 1/2 ถ้วย
  • หอมหั่นหยาบๆ
  • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
ผักที่ใช้ใส่แกง
  • ถั่วฝักยาว
  • ฟักทอง
  • หน่อไม้
วิธีโขลกน้ำพริกแกงไตปลา
  • 1.พริกขี้หนูแห้ง แช่น้ำให้นิ่ม สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำใส่ครกพร้อมกับพริกขี้หนูสด ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด พริกไทย โขลกให้ละเอียด
  • 2.ใส่หอม กระเทียมและขมิ้น โขลกจนละเอียดใส่กะปิ โขลกจนเข้ากันดีตักขึ้น
วิธีทำ
  • 1.ใส่ไตปลาในหม้อพร้อมกับน้ำ ประมาณ 2 ถ้วย ตั้งไฟให้ละลาย กรองเอากากออกใส่น้ำพริกแกงละลายลงในหม้อแกง นำไปตั้งไฟจนเดือดทั่ว
  • 2.ใส่กุ้งสดสับหยาบๆ ปลาย่างเช่น ปลาทู ปลาสีกุน ฯลฯ หรือปลากรอบที่แกะเอาแต่เนื้อ
  • 3. ใส่ส้มแขกหรือมะขามเปียก น้ำตาลปึก ชิมรสถ้ารสอ่อนให้เติมเกลือ เมื่อรสดีแล้วใส่ผักต่างๆและใบมะกรูดพอผักสุกยกลง   ที่มาhttps://www.blogger.com/blogger.g?blogID

สูตรอาหาร: วิธีทำแกงส้ม


สูตรอาหาร: วิธีทำแกงส้ม

     แกงส้ม เป็นอาหารพื้นบ้าน มีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน นิดหน่อย เนื้อสัตว์ที่นำมาแกงส้ม มีปลาช่อน ปลาดุก ปลากุเลา ปลาเก๋า ปลาหมอไทย ปลาหมอเทศ กุ้งชีแฮ้ กุ้งนาง กุ้งก้ามกราม หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยลาย ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์อะไรก็ใช้เนื้อหมูแทนก็ได้
สำหรับผักที่เก็บมาแกงส้มได้ มีผักกาดขาว หัวแครอท เห็ด ลูกมะตาด ลูกแตงโมอ่อน เปลือกแตงโม หน่อไม้สดหรือหน่อไม้ต้ม หน่อไม้ดอง มะละกอดิบ (แกงส้มมะละกอกับกุ้ง) ดอกหอม กะหล่ำปลีดอก กะหล่ำปลีใบ กะหล่ำปลีปม ยอดมะพร้าวอ่อน ไส้อ่อนกล้วย หัวปลี ฟักเขียว ถั่วฝักยาวถั่วแขก ถั่วลันเตา ถั่วพู ผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีน ผักกระเฉด สายบัว ลูกฟักข้าว ดอกขจร ดอกแค ดอกโสน ฟักทอง มะรุม ใบกระเจี๊ยบ ฝักข้าวโพดอ่อน ฝักกระเจี๊ยบอ่อน แตงกวา แตงร้าน บร็อคโคลี่ และอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ผักหนามดอง ผักกาดเขียวดอง ยอดฟักทอง
การปรุงแกงส้มยากกว่าแกงเผ็ด เพราะมีสามรส จะต้องปรุงให้มีรสออกเปรี้ยวเค็มหวาน กลมกล่อมไม่เปรี้ยวจนเกินไป หรือเค็มขึ้นหน้า จะต้องมีเปรี้ยวขึ้นหน้า นำเค็มกับหวานตาม ผักบางอย่างไม่ต้องการเคี่ยวให้สุกมาก เช่น ผักกระเฉด ลวกด้วยน้ำแกงส้มร้อน ๆ ผักจะกรอบดี ไม่เหนียว ปรุงน้ำแกงให้ได้รสอร่อยเวลารับประทานตั้งน้ำแกงให้เดือด จึงใส่ผักกระเฉด กะพอสุกทยอย รับประทานเป็นถ้วย ถ้าผักกระเฉดสุกมากเกินไป จะเหนียวไม่น่ารับประทาน
สำหรับผักบางอย่างเคี่ยวให้สุก หรือเป็นแกงส้มค้างคืน จะอร่อยกว่าแกงเสร็จก็ รับประทานเลย เช่น พวกแกงส้มมะละกอ แกงส้มหัวผักกาด แกงส้มหน่อไม้ แกงส้มฟักแฟง การทิ้งไว้ค้างคืนจะทำให้มีรสอร่อย ถ้าเป็นแกงส้มพวกใบไม้ ควรแกงรับประทานทันที ไม่ควรค้างคืน

เครื่องปรุงน้ำพริกแกงส้ม
1. แกงส้มธรรมดา พริกแห้ง 5 เม็ด หัวหอม 5 หัว กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
2. แกงส้มใส่เนื้อสัตว์ที่มีคาว พริกแห้ง 7 เม็ด หัวหอม 7 หัว กระเทียม 5 กลีบ ข่า 3 แว่น กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
3. แกงส้มแบบแกงเหลือง พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด หัวหอม 7 หัว หัวกระเทียม 15 กลีบ ขมิ้นสด 1 ท่อน ยาว 3 ซม. ถ้าเป็นขมิ้นผง 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา กะปิ ½ ช้อนชา ข้าวสาร 1 ช้อนชา
4. แกงส้มพริกขี้หนูสด พริกขี้หนูสด 20 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 5 กลีบ กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
เนื้อสัตว์ที่ใช้กุ้งชีแฮ้ กุ้งนาง หรือกุ้งก้ามกราม ปลาช่อนสด รสเปรี้ยวที่ใส่ในแกงส้ม มีน้ำส้มมะขาม ใช้ได้ทั้งน้ำส้มมะขามเปียก น้ำส้มมะขามสด มะดัน น้ำมะกรูด น้ำมะนาว
แกงส้มบางอย่างใช้ทั้งน้ำส้มมะขาม และน้ำมะนาว เพื่อให้มีรสเปรี้ยวนำ มีรสเหมือนต้มยำเพื่อให้แซบ
แกงส้มที่อร่อย นอกจากรสกลมกล่อม เปรี้ยวนำเค็มหวานตามแล้ว เนื้อปลากุ้งหรือหอย จะต้องสดไม่เหม็นคาว ต้องใส่เนื้อปลา กุ้งหรือหอยในขณะที่น้ำแกงเดือด ปรุงรสน้ำส้มมะขาม น้ำปลา น้ำตาลเล็กน้อย ชิมให้ได้รสตามต้องการจึงใส่ผักแล้วยกขึ้น
สำหรับแกงส้ม ฟัก แฟง มะละกอ ยอดอ่อนฟักทอง จะต้องใส่ผักให้สุกก่อน จึงใส่น้ำส้มมะขาม น้ำปลา น้ำตาลปรุงรส เคี่ยวให้ผักสุกจึงยกขึ้น
เวลาแกงส้มไม่ควรใส่น้ำมาก ต้องกะเผื่อสำหรับน้ำส้มมะขามด้วย ถ้ามีน้ำมากเกินไปจะทำให้รสแกงไม่เข้ม อ่อนเปรี้ยว อ่อนเค็ม ทำให้ไม่น่ารับประทาน แต่ไม่ควรรสจัดมาก จะหมดความอร่อยควรกะพอน้ำแกงท่วมผัก กุ้งและปลา ถ้าแกงส้มผักกาดดอง ผักหนามดอง หน่อไม้ดอง จะต้องลดความเปรี้ยวลง เช่น ใส่น้ำส้มมะขามเพียง 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 2 ช้อนโต๊ะก็พอ
พวกผักในแกงส้ม เมื่อสุกแล้วจะเก็บรสความเปรี้ยว ความเค็ม หวาน ไว้ในเนื้อผัก ด้วยเหตุนี้เมื่อทิ้งแกงส้มสักระยะหนึ่ง น้ำแกงส้มจะมีรสอ่อนทันที เพราะฉะนั้นเวลาปรุงน้ำแกงส้มจะต้องมีรสจัดเพิ่มเล็กน้อย เพื่อให้รสแกงที่กำลังอร่อย
แกงส้มเป็นอาหารพื้นบ้านที่ทำได้ง่ายกว่าแกงอย่างอื่น มีราคาถูก ใช้ผักได้ทุกชนิด ถ้ามีเนื้อเค็มแดดเดียว ปลาเค็มแดดเดียว หมูทอด ไก่ทอด ปลาทอด ไข่เค็ม ไข่ฟูหมูสับ ไข่ทอด หอยทอด แกล้มกับแกงส้ม จะรู้สึกว่าเป็นอาหารที่อร่อยวิเศษสุด และเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะกับประเทศไทยและคนไทย

แกงส้มผักรวมมิตร
- ผักกาดขาวหั่น 1 ถ้วยตวง
- กะหล่ำปลี 1 ถ้วยตวง
- ถั่วฝักยาวหั่น 1 ถ้วยตวง
- ฟักขาวปอกเปลือกหั่นเป็น ชิ้นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มมะขามเปียก 5 ช้อนโต๊ะ
- หอมหัวแดง 7 หัว
- กระเทียม 3 หัว
- ข่า 5 แว่น
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- โขลกให้ละเอียดใส่เนื้อปลาที่ต้ม และโขลกรวมกันอีกครั้ง
2. ยกหม้อตั้งไฟให้เดือดใส่ผักทีละอย่าง พอผักสุกใส่ชิ้นปลา จนปลาสุก
3. ชิมรสเปรี้ยวเค็ม หวานเล็กน้อย


เครื่องปรุง
- ปลาช่อน 1 ตัว ขอดเกล็ด เฉือนท้องควักไส้ออก หั่นขวางลำตัวเป็นชิ้นบาง ๆ เหลือหางไว้ต้มเพื่อเอาเนื้อปลาโขลกกับน้ำพริกแกงส้ม
น้ำพริกแกงส้ม
- พริกแห้ง 7 เม็ด
วิธีทำ
1. ละลายน้ำพริกในน้ำที่ต้มปลาตั้งไฟ ใส่น้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มมะขามเปียก
แกงส้มเป็นอาหารพื้นบ้าน มีราคาถูก ถ้าไม่มีปลาใช้กุ้งแทน ใช้ผักกะเฉด ผักบุ้ง แฟง ฟักแทนได้อาจใช้ผักหลายอย่างรวมกันหรือใช้ผักอย่างหนึ่งอย่างใด แกงหม้อใหญ่รับประทานได้หลายมื้อ ยิ่งค้างคืนยิ่งอร่อย แต่วิตามินซี และวิตามินเอ จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ  ที่มาhttps://www.blogger.com/blogger.g?blogID

สูตรอาหารไทย : แกงส้มกุ้ง + ไข่เจียวชะอม

สูตรอาหารไทย : แกงส้มกุ้ง + ไข่เจียวชะอม

ที่มา https://www.blogger.com/blogger.g?blogID=3407084970766559994#editor/target
     เครื่องปรุง + ส่วนผสม
แกงส้มกุ้ง + ไข่เจียวชะอม
* กุ้งขนาดกลาง 8-10 ตัว (ทำความสะอาด, ปอกเปลือก)
* เนื้อปลา 200 กรัม
* น้ำพริกแกงส้ม 4 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว* น้ำตาล 1 ช้อนชา
* ชะอม 1 กำ (ทำไข่เจียวชะอม, จะไม่มีก็ได้)
* ไข่ไก่ 3 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)

ไข่เจียวชะอม
แกงส้มกุ้ง + ไข่เจียวชะอม
 
     วิธีทำทีละขั้นตอน

1. นำเนื้อปลาไปลวกให้สุกในน้ำร้อน จากนั้นนำเนื้อปลาออกมาบดให้เละ (ถ้ามีก้าง ก็ให้เอาออกด้วย) จากนั้นนำเนื้อปลาไปตำในครกกับน้ำพริกแกงส้มจนเข้ากันดี จึงนำออกมาเตรียมไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป
2. ต้มน้ำในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด จึงใส่น้ำพริกแกงส้มที่ผสมกับเนื้อปลา (ขั้นตอนที่ 1) รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมะขามและน้ำตาล
3. เติมกุ้งและไข่เจียวชะอม (วิธีทำไข่เจียวชะอม ดูด้านล่าง) รอจนแกงส้มเดือดอีกครั้ง จึงปิดไฟ ถ้าชอบเปรี้ยวอาจเติมน้ำมะนาวเพิ่มอีกได้ เมื่อปรุงรสได้ตามที่ต้องการแล้วจึงตักใส่ถ้วย และเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

     1. ล้างชะอมให้สะอาดและเด็ดเอาใบอ่อนออกมา หั่นให้มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้ว วิธีทำไข่เจียวชะอม :
     2. นำไข่ไก่ไปตอกและใส่ในชาม คนให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน จากนั้นจึงเติมชะอมที่หั่นไว้แล้ว คนต่ออีกครั้งจนไข่และชะอมผสมกันดี
     3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟปานกลาง ใส่ไข่และชะอมลงไปทอด รอจนกระทั่งสุกเหลืองดี จึงปิดไฟและนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ และนำไปใช้ในการปรุงกับแกงส้ม หรือทานกับน้ำพริกอื่นๆก็ได้ 

ก๊วยเตี๋ยวเรือของภาคใต้


tlcthai.com
ก๋วยเตี๋ยวเรือเส้นหมี่แห้งหมู
400 × 269 - 20กิโลไบต์ - jpg

tlcthai.com
ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตก
400 × 269 - 15กิโลไบต์ - jpg

pantip.com
ชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ชม.
500 × 375 - 50กิโลไบต์ - jpg

bankanom-chainat.blogs...
ผงก๋วยเตี๋ยวเรือ 5 ช้อนโต๊ะ
400 × 300 - 22กิโลไบต์ - bmp

tlcthai.com
กินก๋วยเตี๋ยวเรือของที่นี่
400 × 269 - 20กิโลไบต์ - jpg

phikanes2515.blogspot.com
ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้น
849 × 637 - 104กิโลไบต์ - jpg

pantip.com
เวลาทานก๊วยเตี๋ยวเรือซึ่ง
640 × 480 - 179กิโลไบต์ - jpg


manager.co.th
เปิดตำนาน “เตี๋ยวเรือปทุม”
500 × 445 - 68กิโลไบต์ - aspx

blog.unseentourthailan...
ก๋วยเตี๋ยวเรือ “คลองสระบัว”
401 × 264 - 27กิโลไบต์ - jpg

thaismefranchise.com
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสูตรคุณยายหอม
412 × 296 - 101กิโลไบต์ - jpg


blog.unseentourthailan...
ก๋วยเตี๋ยวเรือ เนื้อ หมู
368 × 249 - 26กิโลไบต์ - jpg

banmuang.co.th
ส่วนก๋วยเตี๋ยวเรือรสเจ็บ
550 × 404 - 266กิโลไบต์ - jpg

restaurantaroi.blogspo...
ก๋วยเตี๋ยวเรือ ตี๋หมวย .
1600 × 1200 - 268กิโลไบต์ - jpg

nashacor.blogspot.com
Miniature Foods
1500 × 1214 - 172กิโลไบต์ - jpg

ที่มาhttps://www.blogger.com/blogger.g?blogID=3407084970766559994#editor/target=post;postID=2691154782873505083